สำหรับแฟนฟุตบอลแล้วการที่เราได้ไป สนามทีมฟุตบอล ที่ตัวเองชื่นชมนั้น เหมือนเป็นความสำเร็จหนึ่งของในชีวิตของแฟนบอลเลยก็ว่าได้ ดังนั้นเราเลยเอา สนามฟุตบอลในฝัน มมาให้ทำความรู้จักเพิ่มเติมกัน
5 สนามฟุตบอลในฝัน สำหรับคอลูกหนัง
ใคร ๆ หลายคนได้มีโอกาสไป สนามฟุตบอล ทีมที่ตัวเองรักนั้น ถือว่าทำให้ฝันแฟนบอลของตนเองนั้นเป็นจริง แต่สำหรับ ใครอีกหลายคนที่มีแผนในการไปทัวร์สนามฟุตบอลทีมที่ตัวเองชอบ เราได้ทำข้อมูลเบี้องต้นมาให้รู้กันก่อน ไปดูกันเลย
1.Old Trafford โรงละครแห่งความฝันของ
ทีม Manchester United
สนาม Old trafford” ด้านในสนามมีความยิ่งใหญ่อลังการเป็นอย่างมาก สามารถจุผู้ชมได้ถึง 70,000 กว่าคน ภาพที่เห็นตรงหน้า เป็นภาพในฝันที่เหล่าแฟนผีต้องได้มาสัมผัสสักครั้งในชีวิต ที่นั่งสีแดงสด บรรยากาศที่ได้สัมผัสไม่สามารถบรรยายออกมาได้จริงๆ เมื่อเราสัมผัสบรรยากาศด้านในสนามกันอย่างจุใจแล้ว ก็ถึงไฮไลท์สุดท้าย นั่นก็คือ ”Megastore” ทางประตูตะวันออก กับสินค้า Limited Edition ที่มีขายเฉพาะที่นี่ที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นลูกฟุตบอลสกรีนลาย Old trafford หรือ ลูกบอลหนังแท้ ก็มีให้ซื้อติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของที่ระลึกกันอย่างจุใจ
โดยห้องอื่นๆที่เราสามารถเข้าชมได้ก็จะมี “ห้องแถลงข่าว” ที่เมื่อเราเข้าไปจะรู้สึกราวกับว่า เราเป็นนักข่าวที่เข้าไปสัมภาษณ์เองเลยทีเดียว รวมถึง “ห้องพักนักกีฬา” ที่มีกระดานไวท์บอร์ดเพื่อใช้วางแผนกลยุทธ์ในแต่ละนัด นอกจากนี้ยังมี “ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า” ที่มีเสื้อของนักเตะจัดแสดงอยู่ เรียกได้ว่า เข้าห้องนี้ปุ้บ เราสามารถไปนั่งตำแหน่งเดียวกับนักเตะอันดับ 1 ในใจของเราได้เลย และก็ถึงไคลแมกซ์ของที่นี่ ทันทีที่เราลอดผ่านอุโมงค์ออกมา ภาพแรกที่เราได้เห็น เป็นภาพเดียวกับที่เหล่านักเตะในตำนานได้เห็น ก่อนจะลงไปฟาดแข้งวาดลวดลายกันในสนาม
2. Anfield
ทีม Liverpool
จุดแรกที่จะพาไป คือ พิพิธภัณฑ์ของสนาม (Liverpool FC Museum) ด้านในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเสื้อที่ใช้ลงแข่งในแต่ละยุคสมัย ถ้วยรางวัลต่างๆที่ลิเวอร์พูลไปคว้ามาได้ ซึ่ง 1 ในนั้นคือ “ถ้วยจริง” ที่ได้รับมาใน “คืนมหัศจรรย์แห่งอิสตันบูล” ถ้วยยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีค 2005 ที่ไม่ว่า The kop คนไหนเห็น ย่อมนึกหวนถึงเหตุการณ์ประทับใจในวันนั้น และอีกสิ่งนึงที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ แผ่นจารึก โศกนาฏกรรมที่เฮย์เซลล์ เพื่อรำลึกถึงผู้คนที่จากไปในเหตุการณ์ในครั้งนั้น
ถัดมาด้านใน จะเป็นการจัดแสดงภาพประวัติของนักเตะและผู้จัดการทีมในแต่ละยุคสมัย ในส่วนของห้องต่างๆที่เราสามารถเข้าไปได้ ก็จะมี “ห้องแถลงข่าว” ซึ่งห้องนี้มีที่มา มีเรื่องเล่าเมื่อนานมาแล้วว่า แต่ก่อนห้องนี้เป็น Boot room ของลิเวอร์พูลเพื่อให้นักเตะมารวมกันก่อนเดินทางด้วยรถบัส แต่เมื่อมีการรื้อและปรับเปลี่ยนเป็นห้องแถลงข่าว ลิเวอร์พูลก็ไม่ได้แชมป์ลีคอีกเลย ถัดมา เป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านักกีฬา จัดแสดงเสื้อของนักเตะตามที่นั่ง และมีรูปของนักเตะระดับตำนานจัดแสดง
3. Emirates Stadium
ทีม Arsenal
เมื่อเข้ามาในอาคาร ไกด์ของทางสนาม จะเริ่มแนะนำจาก VIP โซนก่อน ซึ่งในโซนนี้จะจัดแสดงถ้วยที่ได้รับจากพรีเมียร์ลีคโดยตรง เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติ 49 นัด ที่ไร้พ่าย ถัดมาเราจะได้ไปนั่งในที่นั่งผู้ชม เสมือนว่าเราได้ดูงานแข่งอยู่จริงๆ เมื่อได้บรรยากาศของผู้ชมแล้ว จากนั้นเราจะไปต่อกันที่เวนเกอร์รูม (Wenger room) ห้องนี้จะจัดแสดงถ้วยรางวัลที่อาร์เซนอลคว้ามาได้ เห็นรางวัลที่กวาดมาได้จนภูมิใจแล้ว เราก็มาต่อด้วย ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของทีมเยือน ซึ่งที่นี่จะมีเสื้อทีมคู่แข่งต่างๆแขวนไว้ ก่อนที่เราจะได้ไปเจอของจริงในห้องถัดไป ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของอาร์เซนอล จะมีความกว้างใหญ่ มีเสื้อของนักเตะจัดแสดงบอกตำแหน่งว่า ก่อนการแข่งจริง ใครนั่งอยู่ตำแหน่งไหน ส่วนตรงกลางห้อง เป็นที่นั่งของกัปตันทีม และแอบกระซิบว่า ห้องอาบน้ำของทีมเหย้า อลังการมาก ใครเป็นสาวกปืนใหญ่ต้องมาเห็นกับตา หลังจากเข้าห้องเปลี่ยนชุดแล้ว ก็ถึงเวลาลงสู่สนาม
เมื่อลอดอุโมงค์ลงไป ด้านหน้าของเราก็จะปะทะกับภาพของสนามทีมปืนใหญ่อาร์เซนอลนั่นเอง ถึงตรงนี้ เชื่อว่าใครหลายๆคนที่เป็นแฟนปืนใหญ่ คงจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่ได้ใกล้ชิดติดขอบกับทีมรักของตัวเอง ถัดมาเป็นห้องแถลงข่าว ซึ่งเราสามารถนั่งที่โต๊ะสัมภาษณ์และถ่ายรูปประหนึ่งเราเป็นผู้จัดการหรือนักเตะของทีมนี้จริงๆ นี่ก็จะเป็นภาพรวมคร่าวๆของการทัวร์สนาม Emirates Stadium ของอาร์เซนอล
4. Stamford bridge ดินแดนแห่งสิงโตน้ำเงินคราม
ทีม Chelsea
เมื่อมาถึง สนามบอล จะเจอรูปปั้นของ Peter Osgood ถือลูกบอลยืนรอต้อนรับอยู่ ต้องบอกว่าสนาม Stamford สวยมากๆ ทั้งการจัดวางและดีไซน์ ค่อนข้างมีความแตกต่างจากสนามอื่นๆพอสมควรเลยทีเดียว จากนั้นเราจะไปต่อที่ห้องแถลงข่าว ซึ่งถ้าเทียบกับทีมอื่นแล้ว ถือว่ามีขนาดเล็กกว่า แต่เมื่อถึงเวลาแถลงข่าวจริงๆ น่าจะได้บรรยากาศที่อบอุ่นมากกว่า ไฮไลท์ถัดไปคือความแสบของห้องทีมเยือน เพราะใช้หลักจิตวิทยากันทุกเม็ดทุกหน่วย เริ่มตั้งแต่ ห้องจะมีความคับแคบ ล็อกเกอร์จะอยู่ต่ำจนต้องก้มหยิบของ ไวท์บอร์ดจะอยู่ที่ประตู ซึ่งแน่นอน ประตูเปิดเข้าเปิดออกตลอดเวลา แต่ก็เข้าใจกันดีกว่า เป็นการข่มทีมเยือน มีเรื่องเล่าจากไกด์ท้องถิ่นว่า มีครั้งหนึ่งที่ทีมลิเวอร์พูลมาเยือน ก็แอบลงแว็กซ์ให้พื้นลื่นอีกด้วย เอากับเขาสิ
ถัดจากห้องทีมเยือนมาสู่ห้องทีมเหย้าเจ้าบ้านของเรา โอโห้ ใหญ่กว่าห้องทีมเยือนเกินเท่าตัว แอร์เย็นฉ่ำ แถมห้องอาบน้ำสุดหรูหรา มีล็อกเกอร์ส่วนตัวอีก สมกับที่เป็นเจ้าของบ้านจริงๆ เข้าห้องเปลี่ยนชุดกันเรียบร้อยก็ถึงเวลาลงสนามเก็บบรรยากาศเสมือนเราเป็นนักเตะ แต่นำโชคไม่ได้ลงไปเหยียบหญ้านะ นั่งชิดติดขอบสนามเฉยๆ และมาถึงสถานที่สุดท้าย Shop นั่นเอง โดยสินค้าหลักๆด้านในจะเป็นเสื้อ กางเกง ผ้าพันคอ และลูกฟุตบอลในส่วนของ Museum จะจัดแสดงถ้วยที่เชลซีไปคว้ามาเช่นกัน โดยไฮไลท์ของ Museum จะเป็น ชุดและถ้วย UCL และนี่ก็เป็นภาพรวมของทัวร์ Stamford bridge ถิ่นสิงโตน้ำเงินครามเชลซี
5. สู่สนามของเรือใบสีฟ้า Etihad Stadium
ทีม Manchester City
ที่สนาม Etihad ไกด์จะเริ่มแนะนำเราตั้งแต่โซน Museum เลย ซึ่งค่อนข้างต่างจากที่อื่นที่โซน Museum จะเดินเก็บบรรยากาศได้ด้วยตัวเอง ตามสูตรของ Museum ที่นี่ก็จะยังคงจัดแสดงถ้วยรางวัลที่ Man city ไปคว้ามาได้ และ ชุดของนักเตะในแต่ละยุคสมัย จะแตกต่างจากทีมอื่นคือ มีวิดีโอฉายช็อตสวยๆที่ทีมสร้างไว้ในแต่ละแมทช์ ดีไซน์ของสนามที่นี่มีความใหม่และสวยมาก สำหรับห้องแถลงข่าวที่นี่ เป็นห้องที่กว้างมากๆ เก้าอี้พับตามแบบโรงหนังและโต๊ะยาวประมาณ 5-6 แถวถูกจัดเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ นอกจากนี้ เรายังสามารถถ่ายภาพได้ เสมือนเราเป็นผู้จัดการทีมอีกด้วย
ลำดับถัดมา เราได้ไปที่ห้องพักทีมเยือน ซึ่งมีความกว้างขวางและค่อนข้างสะดวกสบายเลยทีเดียว ห้องทีมเยือนของที่นี่จะไม่จัดแสดงชุดของทีมคู่แข่งนะ ส่วนห้องวอร์มอัพของเจ้าบ้าน มีทั้งประตูให้ซ้อมยิง และจักรยานให้ปั่นกัน สะดวกสบายสมกับที่เป็นเจ้าของบ้านจริงๆ ถัดมาจะเป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของนักเตะ ซึ่งที่นี่จะแตกต่างจากทีมอื่นตรง “เก้าอี้” ซึ่งถูกออกแบบพิเศษเพื่อรองรับสรีระร่างกาย ไม่มีปวดเมื่อยก่อนแข่งแน่นอน ด้านหลังเก้าอี้จะจัดแสดงเสื้อของนักเตะเพื่อบ่งบอกว่า ใครเป็นเจ้าของเก้าอี้ตัวนี้ และสุดท้ายก็ได้ลงสู่สนาม เช่นเดียวกันกับสนามอื่น เราไม่ได้รับอนุญาตให้ลงไปบนสนามจริงๆ แต่ได้อยู่ใกล้ชิดติดขอบสนามแทน และไฮไลท์ของสนาม Etihad คือ โลโก้ Manchester City ขนาดใหญ่ ที่เมื่อมาถึงต้องมีแชะภาพกลับไปเป็นที่ระลึกกันสักหน่อย